‘นพศิลป์’ รอง ผบช.น. เเถลงผลไล่ล่าอดีตนักมวย ปืน2กระบอก ยิงสู้ตำรวจ หนีได้ คดีเพียบ หนีหมายจับศาล เมียเครียด ปืนจ่อตำรวจขับรถส่งบ้าน ตจว. ค้นห้องพบยาไอซ์-ของลักทรัพย์
วันที่ 4 ต.ค.67 เวลา 14.00 น. ที่สน.บางซื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ์ ผกก.สน.บางซื่อ ร่วมเเถลงผลความคืบหน้ากรณี นายสันติฯ อายุ 39 ปี อดีตนักมวย ผู้ก่อเหตุหลบหนีหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ พื้นที่ สน.เตาปูน ต่อสู้ขัดขืนการจับกุม ขณะไล่ล่า ยิงปะทะสู้กับตำรวจ หนีเข้าบ้านประชาชนย่านอินทามระ ส่วนคนร้ายหลบหนีไปได้พร้อมอาวุธปืน 2 กระบอก มีประวัติลักทรัพย์ในหลายพื้นที่สถานีตำรวจนครบาล หนีประกันของศาล จ.อำนาจเจริญ และตรวจค้นห้องพักพบยาเสพติด-ของที่ขโมย แจ้งเตือนใครให้ที่พักพิงช่วยหลบหนี มีโทษตามกฎหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาเข้าไปลักทรัพย์ในเคหะสถานย่าน ถ.ประชาราษฎร์ สาย 2 เขตบางซื่อ กทม. พื้นที่ สน.เตาปูน โดยลักทรัพย์ หลายรายการ เช่น กระเป๋าชาแนล พระเครื่อง นาฬิกา 2 เรือน แหวนเพชร และพระทองคำ พร้อมปืนลูกโม่ 1 กระบอก ขนาด .38 กระสุน 50 นัด
ต่อมาวันที่ 2 ต.ค. ตำรวจจับกุมนายสุธรรม ได้ ตำรวจกองปราบ
ร่วมสืบสวนกับตำรวจ สน.เตาปูน เพื่อขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด คือ
นายสันติ กองปราบปราม และตำรวจ สน.บางซื่อ ได้สนธิกำลังกัน
และเฝ้าติดตามดูพฤติการณ์ นายสันติ หลบซ่อนที่อพาร์ตเมนท์ ซ.อินทามระ 29 กับภรรยา ในเวลา 19.00 น. ตำรวจพบตัวนายสันติ แล้วไหวตัวทัน เปิดฉากใช้ปืนยิงต่อสู้เปิดทางหนี ปีนข้ามกำแพงท้ายซอยเข้าไป
ซ.อินทรามระ 29 แยก 1 หลบหนีไปได้ แต่ไม่รู้ว่าไปหลบซ่อนในบ้านหลังใด
ต่อมาเวลา 20.02 น. เจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ไม่ได้บ้าน
ดูกล้องวงจรปิดผ่านทางมือถือ พบผู้ต้องหาอยู่บริเวณบ้าน โดยมีภรรยาและลูกชายเป็นหมออยู่บ้าน
จึงโทรแจ้งให้ทราบ นายสันติฯ เคาะประตู อ้างเป็นตำรวจขอเข้าบ้านกินน้ำ
แต่ลูกชายไม่เชื่อ จึงโทร.แจ้งตำรวจ
เวลา 20.50 น. ภรรยาเจ้าของบ้าน หลบหนีออกมาจากบ้านได้
และให้ข้อมูลกับตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังปิดล้อมตลอดซอยทุกทิศทาง ซึ่งเป็นซอยแคบๆ
เวลา 22.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เข้าบัญชาการเหตุการณ์ การเข้าปะทะหรือชิดตัวคนร้าย จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน จึงใช้โดรนบินขึ้น เพื่อค้นหาตัวนายสันติ
เวลา 23.30 น. เยาวชนรายหนึ่งวิ่งมาแจ้งตำรวจ เห็นผู้ต้องหาหลบหนีไปถนนใหญ่ ตำรวจให้ดูภาพ ยืนยันเป็นคนที่หลบหนีอยู่จริง
แสดงว่าผู้ต้องหาหลบหนีออกจากบ้านดังกล่าวไปแล้ว ชุดหนุมานกองปราบจึงเข้าไปนำคนออกมาจากบ้าน
เมื่อเวลา 21.00 น. ตำรวจไปหาภรรยานายสันติ ที่อพาร์ตเมนท์ เพื่อหวังจะให้ช่วยเจรจากับนายสันติ แต่ภรรยาเกิดอาการเครียด รู้อยู่แล้วว่าสามีมีหมายจับ กลัวว่าตัวเองจะถูกดำเนินคดีไปด้วย จึงเครียด ได้หยิบปืนลูกโม่ที่นายสันติ ขโมยมา วิ่งหนีออกจากห้องพักไปถึงบริเวณแยกสุทธิสาร ใช้ปืนจ่อหัวตัวเอง ตำรวจเจรจาถึงเวลา 02.00 น. ภรรยานายสันติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เพื่อป้องกันประชาชนให้ปลอดภัย ตำรวจได้ขยายการกั้นพื้นที่ให้ห่างมากขึ้น ภรรยาเข้าหลบในบ้านร้าง ได้รับบาดเจ็บที่เท้า ร้องขอรถพยาบาล ขอเปลี่ยนขอรถตำรวจแทน อ้างว่าอาย ตำรวจนำเสื้อมาให้เพื่อคลุมหัว จุดพลิกผัน จุดนั้นเป็นมุมมืด เขาเอาเสื้อคลุมหัว และวิ่งขึ้นรถตำรวจ คนที่เจรจาคิดว่าเขาวางปืนแล้ว แต่กลับนำปืนจี้ตำรวจที่ขับรถ บังคับให้ไปส่งบ้านที่ จ.อุบลราชธานี แล้วพูดคุยกันเป็นภาษาอีสาน อาการจึงเย็นลง เปลี่ยนใจให้ไปส่งที่บ้านญาติย่านคลองสาม จ.ปทุมธานี เพื่อความปลอดภัยต่อประชาชน ตำรวจใช้เส้นทางเลี่ยงไป อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เส้นทางนั้นไม่มีบ้านคนและปลอดภัยกับประชาชน เมื่อถึงที่เปลี่ยว ภรรยานายสันติ ขอลงจากรถ ได้เปิดประตูรถกระโดดหนีลงข้างทาง ตำรวจปิดล้อมเจรจา 15 นาที และยินยอมให้จับกุม พบปืนลูกโม่ .38 กระสุน 15 นัด และยาไอซ์ 1 ถุง น้ำหนัก 1.7 กรัม ส่งตรวจร่างกายพบสารเสพติด และส่งตัวดำเนินคดี แจ้ง 4 ข้อหา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติดในครอบครอง และกักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าพนักงาน ตำรวจเข้าตรวจค้นห้องพักของผู้ก่อเหตุพบยาไอซ์จำนวนหนึ่ง กระเป๋าแบรนด์เนม ของมีค่าอื่นๆ ที่ขโมยมา
พล.ต.ต. นพศิลป์ ระบุว่า นายสันติ มีประวัติลักทรัพย์หลายคดีในพื้นที่
สน.พหลโยธิน, สน.โชคชัย และ
สน.เตาปูน และหนีประกันของศาล จ.อำนาจเจริญ
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า ขอประชาสัมพันธ์
หากผู้ใดให้การช่วยเหลือให้ที่พักพิงหรือหลบซ่อนแก่ตัว นายสันติ
จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งผู้ก่อเหตุมีปืน
2 กระบอก จะจับเป็นหรือตาย
จะขอปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป หากผู้ใดพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทันที
รวมแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบเห็นขอให้เร่งทําการจับกุมโดยปฏิบัติตามยุทธวิธี
แต่ถ้ามีการยิงต่อสู้ก็ต้องปฏิบัติการตามกฎหมาย
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น