ผช.ผบ.ตร.-ตำรวจภูธรภาค 1 สืบภาค 1 แถลงผลจับแก็งคอล.บัญชีม้า ยึดเงินคืนเกือบ 2 ล้าน คดี2 จับบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน ของกลางกว่าหมื่นชิ้น มูลค่ากว่า 3 ล้าน
วันที่ 21 ก.ย.68 เวลา 15.00 น. ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผช.ผบ.ตร พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.ชินโชติ วัฒนธนานพ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.3 บก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงข่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทลายแก๊งกดเงินบัญชีม้าสมุทรปราการยึดเงินสดได้คามือเกือบ 2 ล้านบาท ผู้เสียหายสุดดีใจและประทับใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อีกคดีจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน เป็นภัยอันตรายต่อเด็กและเยาวชน อนาคตของชาติทำลายสุขภาพ ในพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค 1 ได้ของกลางเป็นจำนวนมาก
โดยกรณีนี้ ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงรายหนึ่งได้รับสายโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แจ้งว่าผู้เสียหายมีพัสดุตกหล่น ต่อมามีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองผู้บริโภค แจ้งว่าต้องตรวจสอบเงินของผู้เสียหายเพื่อคุ้มครองเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแจ้ง สุดท้ายถูกหลอกให้โอนเงินออกไป จำนวน 400,000 บาท และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี เพื่อพาเข้าแจ้งความ ณ สภ.พระประแดง
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนกรณีดังกล่าว โดย บก.สส.ภ.1
ได้รับแจ้งข้อมูลจาก War Room IAC สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ว่าได้มีกลุ่มแก๊งคอกม้าทำหน้าที่เป็นจัดหาบัญชีม้ามาถอนเงินสดที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหาย
ซึ่งคาดว่าสร้างความเสียหายกว่า 4,000,700
บาท
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.1
ได้สืบสวนติดตามจนรู้ตัวกลุ่มคนร้ายและยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมดว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน
ที่ทำหน้าที่เป็นกลุ่มคนคุมคอกบัญชีม้าในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ
จนกระทั่งในวันที่ 20 ต.ค.68 เวลาประมาณ 15.30 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่คุมคอกบัญชีม้าได้ออกมาเตรียมตัวเพื่อจะให้บัญชีม้าออกมาถอนเงินสด
จึงได้สะกดรอยติดตามไปจนถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาพระประแดง และเฝ้าติดตามไว้
จนกระทั่งมี น.ส.แสงดา พร้อมกับนายธนากรณ์ ลงมาจากรถยนต์ ยี่ห้อ mitsubishi รุ่น xpender ที่ใช้รับส่งบัญชีม้าไปถอนเงินตามสถานที่ต่างๆ
ได้เดินไปถอนเงินสดที่ธนาคารแรก จำนวน 525,820 บาท
และธนาคารที่สอง จำนวน 1,398,580 บาท
(ถูกหักค่าธรรมเนียมบัญชีต่างจังหวัด 1,420 บาท) รวมทั้ง 2
ธนาคารเป็นเงิน จำนวน 1,924,400 บาท
ต่อมา น.ส.แสงดาฯ ได้นำเอาเงินไปให้นายธนากรณ์ฯ ที่ยืนรออยู่บริเวณใกล้กับธนาคารฯ
เพื่อจะนำเงินสดไปให้ นายกิตติพงศ์ฯ ที่จอดรถยนต์รออยู่ในบริเวณลานจอดรถของห้างฯ
เพื่อรอนำไปส่งให้แก่คนรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัว น.ส.แสงดาฯ และ
นายธนากรณ์ฯ พร้อมตรวจยึดเงินสด
ของกลางรวม 1,924,400 บาท โดยในระหว่างจับกุมทั้ง 2 ราย นายกิตติพงศ์ฯ ได้เห็นเหตุการณ์
จึงขับรถยนต์หลบหนี ส่วนชายอีกคนที่ทำหน้าที่รอรวบรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ
ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น Forza สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งติดตามไปจนสามารถจับกุมตัวนายกิตติพงศ์
ไว้ได้ในซอยเทศบาลบางปู 45 อ.บางปู จ.สมุทรปราการ
ส่วนผู้รวบรวมเงินไปส่งให้ผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวได้ที่ซอยเคหะ 29
ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ทราบชื่อ นายมนัสชัยฯ
จึงได้เชิญตัวมาให้ถ้อยคำในเรื่องดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ได้แก่
1. น.ส.แสงดา อายุ 30 ปี
(บัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นเงินสด จำนวน 1,924,400 บาท, สมุดบัญชีเงินฝาก และโทรศัพท์มือถือ
2. นายธนากรณ์ อายุ 26 ปี
(คนคุมบัญชีม้า)
พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสะพายที่ใช้ใส่เงินสดที่ถอน
3. นายกิตติพงศ์ อายุ 31 ปี
(คนคุมบัญชีม้า) พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถยนต์
mitsubishi รุ่น xpender
และโทรศัพท์มือถือ
โดยดำเนินคดีฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง
ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก
บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง โดยมีพฤติการณ์ที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(ม.9) , จัดหา โฆษณา หรือไขข่าว เพื่อให้มีการซื้อขาย
บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อนำไปใช้กระทำความผิดทางอาญา(ม.10)"
คดีที่
2
ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ในการป้องกันปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า
ตำรวจภูธรภาค 1 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล
รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง
ผบช.ภ.1 , สั่งการให้ ข้าราชการตำรวจภูธรภาค 1
ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
ในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และในเขตพื้นที่ใกล้เคียง
บก.สส.ภ.1 นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง
ผบก.สส.ภ.1,
พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.มณเทียร
เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1,
พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วิทิต
จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง
ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.สส.ภ.1
ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาขนบุหรี่ไฟฟ้า
จำนวน 2 ราย ดังต่อไปนี้
1. นาย อ.(นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ที่อยู่ ซ.บางแวก 79 ถ.บางแวก
แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย
ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้
โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด
หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง
หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560”
สถานที่จับกุม บ้านใน ซ.บางแวก 79 ถ.บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ
กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์กล่าวคือ บก.สส.ภ.1
ได้ดำเนินการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกรณีผู้ลักลอบขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า
น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดยผิดกฎหมาย
ชุดสืบสวนได้สืบสวนและทราบว่ามีผู้ที่ลักลอบจำหน่ายประกาศทางสื่อโฆษณาออนไลน์
ผ่านแอปพลิเคชัน X มีชื่อว่า “High Moon” ได้เปิดให้มีการลักลอบจำหน่ายประกาศขายบุหรี่ไฟฟ้าผสมกัญชาซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามดังกล่าว
โดยเปิดเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
มีช่องทางการติดต่อผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหา เป็นผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวให้กับประชาชนทั่วไป
จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่า
ผู้ต้องหาพักอาศัยและซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ของกลางทั้งมด ไว้ที่บ้านใน ซ.บางแวก
79 ถ.บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลให้ออกหมายค้น
จากนั้น
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1
ได้นำหมายค้นของศาลอาญาธนบุรี ที่ 496/2568 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2568
เข้าทำการตรวจค้น บ้านใน ซ.บางแวก 79
ถ.บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พบผู้ต้องหา
แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้น พบบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์
ทั้งสิ้น 12,500 ชิ้น
รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การยอมรับว่าบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด
เป็นของตนจริง มีไว้เพื่อลักลอบจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป
จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และจับกุมผู้ต้องหา ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย
ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้
โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด
หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง
หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560” และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน
สน.หลักสอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงการกระทำผิดดังกล่าวว่าได้มีกลุ่มบุคคลได้ลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้ามาจัดจำหน่าย
ซึ่งอาจทำให้วัยรุ่นและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย และประชาสัมพันธ์ว่าการมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในความครอบครอง
มีความผิดทางกฎหมาย ทั้งนี้ทางตำรวจภูธรภาค 1
จะดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว
โดยใช้มาตราการลงโทษทางกฏหมายในฐานความผิดขั้นสูงสุด เพื่อเป็นแบบอย่าง มิให้การกระกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว
และจะดำเนินการจับกุมการกระทำความผิดลักษณะดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนสืบไป

















ไม่มีความคิดเห็น