Header Ads

Breaking News

สตม. แถลงข่าว 3 คดี หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 200 ล้านวอน, นักธุรกิจหญิงไต้หวัน โกงหนีเข้าไทย 608 ล้าน, บุหรี่ไฟฟ้าขายนักเที่ยวราตรี รายได้นับแสน สายลับสาวล่อจับ


เมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 เวลา 11.00 น. สตม. แถลงข่าว 3 คดี ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมืองทองธานี

1.ตม.จว.ชลบุรี รวบหนุ่มเกาหลี “หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เสียหายมูลค่ากว่า 200 ล้านวอน กบดานพัทยา  2.สตม.รวบนักธุรกิจหญิง ชาวไต้หวัน รองประธานบริษัทฯ สวมบัตรตุ๋นนักลงทุนร่วมชาติก่อนเชิดเงินหนีเข้าไทยหลายปี มูลค่าความเสียหายกว่า 608 ล้านบาท 

3.สตม.ดักรวบ "โอปป้า" เนียนทำงาน AE ผับหรู ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านักเที่ยวราตรี รายได้หลักแสน 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

คดีที่ 1. ตม.จว.ชลบุรี รวบหนุ่มเกาหลี “หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เสียหายมูลค่ากว่า 200 ล้านวอน แอบกบดานเมืองพัทยา “OVERSTAY” 

ตม.จว.ชลบุรี จับกุม นายโอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี         

การจับกุมคนต่างด้าวรายนี้ สืบเนื่องจาก ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่านายโอ (นามสมมุติ) อายุ 51 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการเกาหลีใต้ ในความผิดฐานฉ้อโกง และองค์การตำรวจสากล ได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE) โดยนายโอ มีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งฐานอยู่ที่ประเทศจีน ได้ใช้วิธีโทรศัพท์และส่งข้อความหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหายในประเทศเกาหลีใต้ โดยสร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อจนโอนเงินมาให้สมาชิกในกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์สามารถหลอกเหยื่อได้จำนวน 6 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านวอน

หลังจากทางการเกาหลีใต้ได้ออกหมายจับ นายโอ ได้หลบหนีคดีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา ตม.จว.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่านายโอ ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว  (OVERSTAY) จากนั้นได้สืบสวนติดตามหาตัวนายโอ ในย่านที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จนกระทั่งสืบทราบว่านายโอ ได้มาเช่าคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ไปตรวจสอบเมื่อพบตัวนายโอ จึงได้จับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

คดีที่ 2. สตม.รวบนักธุรกิจหญิง ชาวไต้หวัน คาคอนโดหรู หลังพบประวัติสวมบัตรตุ๋นนักลงทุนร่วมชาติก่อนเชิดเงินหนี มูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้าน 

สืบเนื่องจาก สตม. ได้รับการประสานข้อมูลจากกรมการสอบสวน กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน ผ่านทางสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูล หญิง อายุ 66 ปี สัญชาติไต้หวัน ผู้ต้องหาตามหมายจับของไต้หวันรายสำคัญ ซึ่งได้ก่ออาชญากรรมในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยได้ชักชวนหลอกลวงนักลงทุนชาวไต้หวันให้มาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ก่อนเชิดเงินลงทุนหนี ผู้เสียหายทั้งหมด 88 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 608 ล้านบาท

พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรวบรวมข้อมูลจนทราบว่า ผู้ต้องหาหญิง ได้เข้ามาประกอบธุรกิจให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในตำแหน่งรองประธานกรรมการฯ ซึ่งจากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวพบความผิดปกติ ไม่ตรงตามหลักเกณฑ์หลายประการ

ผบก.ตม.1 จึงได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของผู้ต้องหาหญิง พร้อมกับได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามสืบสวนหาข่าวจนพบเบาะแสสำคัญจากสายลับในพื้นที่ว่า ผู้ต้องหาหญิง มีบุตรสาว 1 คน ที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ชื่อ นางสาว ส. (นามสมมติ) ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศไทยและทะเบียนราษฎร์ ของ นางสาว ส. พบว่าเป็นคนไทย มีบัตรประชาชนแต่ได้ยื่นคำขอมีบัตรประชาชนเมื่อปี พ.ศ.2543 ในอายุประมาณ 18 ปี มีมารดาเป็นคนไทยชื่อ นาง ด.(นามสมมติ) แต่ไม่ปรากฏภาพถ่ายของ นาง ด. ในฐานข้อมูล ชุดสืบสวนจึงได้ประสานงานกับสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เพื่อขอภาพถ่ายของ นาง ด. ขณะทำบัตรประชาชนไทยครั้งแรกในช่วงประมาณปี พ.ศ.2542 จากการตรวจสอบพบว่าภาพถ่ายของ นาง ด. มีความคล้ายคลึงกับผู้ต้องหาหญิง ชาวไต้หวัน ชุดสืบสวนจึงได้มุ่งประเด็นการสืบสวนหาตัวผู้ต้องหาหญิง ไปที่ นางสาว ส. จนกระทั่งทราบว่าทั้งคู่ได้พักอาศัยอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งได้พบผู้ต้องหาหญิง จึงได้แจ้งหนังสือการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบและนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ดำเนินการตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ต่อไป

อนึ่ง จากการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่าสุด ทราบว่าได้มีการจำหน่ายบัตรประชาชนของ นาง ด. ออกจากระบบเป็นที่เรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนของการได้มาซึ่งบัตรประชาชนของบุคคลรายอื่น ๆ  ที่เกี่ยวข้อง สตม. จะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด   ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th

คดีที่ 3. สตม.ดักรวบ "โอปป้า" เนียนทำงาน AE ผับหรู ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านักเที่ยวราตรี รายได้หลักแสน

กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม นายบลู (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน (ขายบุหรี่ไฟฟ้า), ซ่อนเร้น ช่วยจําหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของต้องห้ามที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านวิธีศุลกากร และขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ผับย่านทองหล่อ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 

ก่อนการจับกุมในคดีนี้ กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จากผู้ไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้รายหนึ่ง ลักลอบทำงานที่ผับหรูแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่มีชื่อเสียงของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และมีพฤติการณ์อื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวจนปรากฎข้อมูลเป็นที่แน่ชัดว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นตามหนังสือร้องเรียนจริง จึงได้วางแผนโดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่มีลักษณะบุคลิกภาพดีทำหน้าที่เป็นสายลับติดต่อบุคคลเป้าหมาย ซึ่งใช้นามว่า “บลู” ทั้งทางอินสตาแกรม Kakao Talk และ LINE เพื่อจองโต๊ะโดยโอนเงินมัดจำ 1,000 บาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าไปใช้บริการที่ร้าน โดยนายบลู ได้เข้ามาแนะนำตัวและพาไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นได้เดินไปบริการลูกค้าคนอื่นๆ และกลับมาพูดคุยชนแก้วกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเป็นระยะๆ พร้อมกับรับเงินค่าบริการจากเจ้าหน้าที่จำนวน 500 บาท หลังจากนั้นนายบลู ได้เสนอขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับสายลับหญิง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม โดยแจ้งว่าตนมีบุหรี่ไฟฟ้าขาย 2 กลิ่น ขายในราคาอันละ 340 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงในชุดจับกุมจึงขอซื้อบุหรี่ไฟฟ้าทั้ง 2 กลิ่นอย่างละ 1 อัน โดยได้โอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์บัญชีเดิมซึ่งคาดว่าเป็นชื่อจริงของนายบลู เมื่อนายบลูนำบุหรี่ไฟฟ้ามาส่งมอบ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทำการตรวจค้นตัวนายบลู พบธนบัตรไทยหมายเลขตรงตามที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และพบบุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ KS รุ่น Quik Pod อีก 5 อัน พบบัตรพนักงานร้าน ตำแหน่ง Account Executive (AE) เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




 

 

ไม่มีความคิดเห็น