“ชุดลาดตระเวนออนไลน์” สืบนครบาล จับแก๊งคลั่งลัทธิ “สุดพิสดาร” ใช้อุบายหลอกลวงเป็นหนี้ 140 ล้าน อดีตพยาบาล รพ.ชื่อดัง สูญเงิน 5 ล้านบาท ร้อง Facebook เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB”
“ชุดลาดตระเวนออนไลน์” สืบนครบาล จับแก๊งคลั่งลัทธิ “สุดพิสดาร” ใช้อุบายหลอกลวงเป็นหนี้ 140 ล้าน อดีตพยาบาล รพ.ชื่อดัง สูญเงิน 5 ล้านบาท ร้อง Facebook เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB”
วันที่
16 ต.ค. 65 สืบนครบาล
บุกช่วย 3 อดีตพยาบาล กับเด็ก 2 คน ก่อนขยายผลรวบตัวสาวสองคนไทยอ้างเป็นเกาหลี
สร้างลัทธิล้างสมองสูบเงินเหยื่อแถมอุปโลกน์หนี้ 140 ล้าน หลอกใช้เหยื่อ
หากขัดขืนสาดน้ำร้อนลวก
สืบเนื่องจาก
“ชุดลาดตระเวนออนไลน์” ของ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้เสียหายรายหนึ่ง
ผ่านทาง Facebook เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB”
ว่า ญาติของตนเองซึ่งเป็นผู้หญิง พร้อมบุตรชายและบุตรสาว
และเพื่อนอีก 2 คน รวมทั้งหมด 5 คน
ถูกบังคับทำงานอยู่ในห้องพักภายในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน
เขตบางพลัด กรุงเทพฯ
โดยผู้ถูกกักขัง
ได้แอบส่งข้อความมาให้กับชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาล โดยส่งรูปภาพมีสภาพร่างกาย
ถูกโกนผมสั้น และมีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวก ซ้ำร้ายยังให้ข้อมูลว่า มิจฉาชีพบังคับให้ตบหน้าบุตรชายและบุตรสาวของตนเองหลายครั้ง
ถ้าไม่ทำจะสาดน้ำร้อนใส่เด็กๆ
หลังได้รับแจ้ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบถึงสถานที่ที่ถูกกักขัง จึงได้ขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายค้นห้องพักเลขที่ดังกล่าว ตามหมายค้น ที่ ค.273/2565 ลงวันที่ 16 ต.ค. 65 รายงานให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับทราบ และได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว
1.
น.ส.ไพริน (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี
2.
น.ส.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี
3.
น.ส.ไข่มุก (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี
4.
ด.ญ.ยา (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี บุตรของ
น.ส.ไพริน
5.
ด.ช.เช่ (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี บุตรของ
น.ส.ไพริน
โดยสภาพทั้ง
5 คน อยู่ด้วยกันภายในห้องอย่างแออัด
และจากการตรวจสอบสภาพร่างกายเบื้องต้นพบว่า น.ส.ไพริน มีบาดแผลการถูกน้ำร้อนลวกทั่วบริเวณไหล่ซ้าย,
น.ส.ไข่มุก มีบาดแผลการถูกน้ำร้อนลวกทั่วบริเวณหน้าอก , ด.ญ.ยา มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณเบ้าตา และ ด.ช.เช่ มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณเบ้าตาและลูกตามีรอยแดง
ซึ่งเมื่อสอบถาม น.ส.ไพริน, น.ส.พลอย และ น.ส.ไข่มุก
มีอาการหวาดกลัว เสมือนคนเกิดภาวะผิดปกติทางจิต และได้ให้ข้อมูลว่า ได้ถูกบังคับให้ทำงานหาเงินใช้หนี้ให้กับ
“นายทุน” โดยมีลูกน้อง 1 คน เป็นคนคอยมาควบคุม
ซึ่งทั้งนายทุนและลูกน้องคนดังกล่าวพักอยู่ภายในตึกเดียวกัน
ต่อเนื่องในวันเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้น ห้อง 192 ชั้น 10 ตึก A
คอนโดดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ นาย ต.(นามสมมุติ) อายุ 20 ปี อยู่บ้านบริเวณรามอินทรา 58 แยก 3-2 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว จ.กรุงเทพ อยู่ภายในห้องพัก โดย นาย ต. ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือทำร้าย
น.ส.ไพริน และเป็นคนสั่งให้ น.ส.ไพริน ตบหน้า ด.ญ.ยา และ ด.ช.เช่
เป็นจำนวนหลายครั้ง เพราะ น.ส.ไพริน หาเงินให้นายทุนไม่ได้
จากสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของ น.ส.ไพริน, น.ส.พลอย, น.ส.ไข่มุก, ด.ญ.ยา และ ด.ช.เช มีความผิดปกติ ประกอบกับเรื่องราวที่สลับซับซ้อนที่เกิดขึ้นภายในคอนโดดังกล่าว
ต่อมา บก.สส.บช.น. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ขออนุมัติศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับ นาย................ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ...../2565 ลงวันที่ ... ต.ค. 65 และต่อมาวันที่ 17 ต.ค. 65 เวลา ....... น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. จับกุมตัว นาย............. ตามหมายจับดังกล่าว โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณทางเข้าคอนโดดังกล่าว พระราม8 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ และจากการตรวจค้นห้องพัก พบว่าภายในห้องไม่พบข้อมูลเอกสารใดๆ ที่ปรากฏชื่อของผู้ต้องหา โดยเอกสารการทำธุรกรรมทั้งหมดล้วนใช้ชื่อของผู้อื่น ซึ่งผิดวิสัยคนทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง และสิ่งของในห้องพัก ล้วนเป็นหนังสือ ภาพวาด การบูชาลัทธิ โดยในชั้นจับกุม นาย............. ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “....................” หลังการจับกุมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยจะมี กก.สส.7 บช.น. เป็นผู้สืบสวนขยายผลในคดีนี้ต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช
ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า
“คดีนี้ผู้ต้องหามีแผนประทุษกรรมในการหลอกลวงโดยอาศัยการปลูกฝังความเชื่อที่ผิดให้กับเหยื่อในแรกเริ่ม
และเมื่อเหยื่อเกิดความเชื่อและคล้อยตามก็จะเริ่มใช้ความกลัว เข้าควบคุมเหยื่อให้ทำตามคำสั่งโดยไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้
ซึ่งเป็นแผนประทุษกรรมที่อันตรายมาก เพราะไม่เพียงแต่ทำให้เหยื่อสิ้นเนื้อประดาตัว
แต่ยังถูกหลอกใช้ไปจนเสียสติในที่สุด
และที่เลวร้ายที่สุดคือการบังคับให้บุพการีทำร้ายบุตรของตัวเอง
ผู้ต้องหามีประวัติการเปลี่ยนชื่อ สกุล จำนวน 9 ครั้ง อ้างเหยื่อว่าเป็นคนเกาหลี ญี่ปุ่น มีอาชีพเป็นแพทย์ในสถานฑูตประเทศใหญ่ สร้างความหน้าเชื่อถือ ขณะถูกจับกุมยังไม่ยอมแจ้งชื่อนามสกุลจริง
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กล่าวว่า ถึงแม้ว่าผมจะมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่ผมก็เป็นตำรวจคนหนึ่ง เมื่อผมได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวแล้ว ผมไม่ลังเลที่จะต้องทิ้งทุกภารกิจมาเพื่อทำคดีนี้”
ข้อมูลจาก กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ไม่มีความคิดเห็น