ตำรวจไซเบอร์ ชี้คดีหลอกลงทุนนอร์ทเทิร์น ลอว์เยอร์ (Northern Lawyer) พบผู้เสียหายกว่า 9,000 ราย เสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท
ตำรวจไซเบอร์ ชี้คดีหลอกลงทุนนอร์ทเทิร์น ลอว์เยอร์ (Northern Lawyer) พบผู้เสียหายกว่า 9,000 ราย เสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(บช.สอท.) ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีหลอกลงทุนนอร์ทเทิร์น
ลอว์เยอร์(Northern Lawyer) โดยพบผู้เสียหายกว่า 9,000 ราย
มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท
รวมถึงประชาสัมพันธ์แนวทางป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ได้ให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการลอกลวงลงทุนสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง
พร้อมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนและปราบปรามการกระทำความผิดตามกฎหมาย
เพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับไปยัง
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดทำการสืบสวนปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
รวมถึงขับเคลื่อนศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ฯ
เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการแจ้งความได้อย่างสะดวก
และทำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แนวทางการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้ประชาชนรับทราบ
ในส่วนของคดีการหลอกลงทุนนอร์ทเทิร์น
ลอว์เยอร์ (Northern Lawyer) ที่ได้ร่วมกันหลอกลวงชักชวนผู้เสียหายจำนวนหลายรายให้นำเงินมาลงทุนในรูปเเบบต่างๆ
เช่น ซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัล, ซื้อขายเงินสกุลต่างประเทศ, ซื้อขายทองคำ
, ลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
โดยจะให้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วนั้น
โดย พนักงานสอบสวน บก.สอท.4
ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และสรุปสำนวนการสอบสวนพร้อมมีความเห็นทางคดีสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด
8 ราย เป็นบุคคลธรรมดา 6 ราย เป็นนิติบุคคล 2 ราย
ในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อีกทั้งได้ดำเนินการตามขั้นตอนของ
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ
โดยพนักงานสอบสวนสอบได้ส่งสำนวนคดีพร้อมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปให้พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจ2
เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากเตือนถึงแนวทางการลงทุนรูปแบบต่างๆ ควรศึกษาทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
และพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการลงทุนลักษณะนี้ให้มาก
อย่าหลงเชื่อเพียงแค่เข้าถึงได้ง่าย
ใช้เวลาระยะสั้นแต่ได้รับผลตอบแทนที่มากและรวดเร็ว
ทั้งนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิดหรือข้อขัดข้องใดๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน บช.สอท. หมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02-5044850ในเวลาราชการ
ไม่มีความคิดเห็น